B ประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจ เพิ่มทุนขายผู้ถือหุ้นเดิม 1.4 พันล้านหุ้น

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

 

น.ส.สุทธิรัตน์ ลีสวัสดิ์ตระกูล รองประธานกรรมการบริษัท บี จิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ B ผู้ให้บริการขนส่งและโลจิสติกส์ครบวงจร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้บริษัทมีการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน โดยให้โฟกัส 2 ธุรกิจหลักคือ กลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ Green Logistics และธุรกิจสาธารณูปโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ Green Utilities โดยตั้งเป้าหมายกลุ่มบี เป็นธุรกิจสีเขียวภายใน 5 ปี

ทั้งนี้ เพื่อให้แผนการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทมีความคล่องตัวและประสบผลสำเร็จ บริษัทจำเป็นต้องเตรียมแหล่งเงินทุนเพื่อรองรับแผนการลงทุนในอนาคต โดยคณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้เสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 วันที่ 21 มกราคม 2565 เพื่อขออนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวน 1,437.83 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 1,655.61 ล้านบาท เป็น 3,093.44 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 2,114.45 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) 0.68 บาท เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) 1,409.63 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ ราคาหุ้นละ 0.68 บาท
ส่วนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลืออีก 704.81 ล้านหุ้น รองรับใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) ชุดที่ 7 หรือ B-W7 ที่จัดสรรฟรีให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อและชำระค่าหุ้นเพิ่มทุน สัดส่วน 2 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ต่อ 1 หน่วยวอร์แรนต์ในราคาใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นละ 0.99 บาท ทั้งนี้ บริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 27 ธันวาคม 2564 และกำหนดวันจองซื้อและรับชำระเงินค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 7-11 กุมภาพันธ์ 2565 ในกรณีที่มีหุ้นเหลือจากการใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของผู้ถือหุ้นเดิม บริษัทจะเสนอขายหุ้นที่เหลือให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) โดยเป็นราคาไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาด และเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ที่ราคาหุ้นละ 0.68 บาท แต่บุคคลในวงจำกัดที่จองซื้อหุ้นส่วนที่เหลือจะไม่ได้รับสิทธิในการจัดสรรวอร์แรนต์ W-B7

น.ส.สุทธิรัตน์ กล่าวต่อว่า การเพิ่มทุนในครั้งนี้เป็นแบบมีวัตถุประสงค์ชัดเจน คือ สัดส่วน 30% ของเงินเพิ่มทุนจะใช้ลงทุนสำหรับการขยายกิจการ ซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่ปี 2565-2569 สัดส่วน 30% ของเงินเพิ่มทุนจะใช้ลงทุนในโครงการด้าน Green Logistics ซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่ปี 2565-2569 และ 30% จะใช้ลงทุนในโครงการด้าน Green Utilities มีแผนการใช้เงินเพิ่มทุนตั้งแต่ปี 2565-2569 ส่วนที่เหลืออีก 10% ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

“ธุรกิจของ B มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง บริษัทจำเป็นต้องจัดหาแหล่งเงินทุน รองรับแผนการลงทุนในอนาคต เพื่อเตรียมสภาพคล่องและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมทั้งยังช่วยเสริมให้บริษัทมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง และที่สำคัญการขยายการลงทุนใหม่ในอนาคตจะส่งผลให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรและเติบโตอย่างยั่งยืน” น.ส.สุทธิรัตน์ กล่าว

อย่างไรก็ตามในส่วนของผลการดำเนินงานของบริษัทยังมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง โดยไตรมาส 3 ปี 2564 สำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 109.464 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 442% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกัน ปี 2563 ที่ขาดทุน 32.045 ล้านบาท และมี EBITDA 145.29 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่ 12.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132.3 ล้านบาท หรือ 1,022%

อ้างอิง
https://www.mgronline.com/stockmarket